Friday, August 12, 2011

หนทางชีวิต Career Paths of Thai Medical Doctors

สำหรับคนที่ได้เข้ามาเรียนแพทย์นั้น บางคนตั้งใจไว้แล้วด้วยซ้ำว่าจบไปแล้วจะไปทำอะไร เป็นหมออะไร ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเหมาะหรืออยากที่จะทำหรือใช้ชีวิตอย่างนั้นหรือไม่ เพราะก็ไม่ได้รู้ว่าหมอด้านนั้นเขาทำงานกันหนักหนาสาหัสแค่ไหน เหมือนที่เคยเห็นตามข่าวเชิงโฆษณาที่มีหมอคนหนึ่งบอกว่าอยากเป็นหมออายุรกรรม แต่อ้างว่าพ่อป่วยอยากอยู่ดูแลพ่อก็เลยไปเรียนป โท เพื่อเป็นหมอรักษาโรคผิวหนังแบบเชิงความงาม ไม่ได้การรับรองจากสมาคมแพทย์เฉพาะทาง
บางคนก็ตรงกันข้ามคือใช้ชีวิตไปวันๆจนจบหมดสิ้น ก็ยังไม่รู้ตัวเองว่าอยากเป็นอยากทำอะไร แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกที่ศึกษาหาข้อมูลความถนัดและความชอบเมื่อได้มีโอกาสผ่านวอร์ดนั้นๆ และบวกลบสารตะกับไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองและครอบครัวโอเค คูณหารกับรายได้และโอกาสทำงาน ออกมาจนได้
อย่างไรก็ดี ความชอบ ความถนัดและความเหมาะสมของตนเองกับสาขาที่ตนเลือกนั้นกลับไม่ค่อยเป็นอะไรที่เราพูดถึงกันมากนัก บ่อยครั้งจะได้ยินอะไรทำนอง เรียนเมดเพราะไม่รู้จะเรียนอะไรดี ไม่ชอบผ่าตัด ไม่ชอบเด็ก หรืออยากผ่าตัดมันเท่ มันดิบ ไม่พูดมากอะไรก็ว่าไป

พูดไปแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของบรรดาแพทย์จบใหม่ซึ่งเดี๋ยวนี้มีปีละเป็นพัน เพราะโอกาสที่เขาจะได้รับรู้การทำงานของหมอต่างๆ ก็เท่าที่เห็นที่เจอก็น้อยนัก จะมีคนมาเล่ามาจัด คอร์สเวิร์ค หรือข้อมูลให้อ่านให้ค้นก็น้อยเต็มที ไม่เหมือน career advice ในอเมริกาหรืออังกฤษที่เด็กเขาได้รับรู้และมีการพูดถึงตลอดจน ข้อมูลมากมาย ทั้งการแข่งขัน และโอกาสต่างๆ

ที่พูดมานี้เป็นเพียงหนทางหนึ่งๆที่หมอทั่วไปอาจจะคิดถึง ว่าเรียนจบก็ต่อเฉพาะทาง แล้วก็เป็นหมอนั้นไปจนตาย จะเอกชนหรือรัฐบาลก็ว่าไป

ความจริงก็มีความตื่นตัวของหมออีกแบบคือหมอครอบครัวหรือหมอเวชปฏิบัติทั่วไปซึ่งในไทยเคยมีและบูมเล็กๆมานานก่อนผมเข้าเรียนแพทย์อีกแล้วก็ตายสูญไปมาคืนชีพอีกทีก็ สมัยสามสิบบาทที่เขาเลยคิดว่าหมอครอบครัวนี่น่าจะช่วยลดการใช้จ่ายไม่จำเป็นได้

จริงๆหมอไทยนี่น่ากลัวสุดในบรรดาหมอ เพราะจบหกปีมาจะให้ทำตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ยิ่งสมัยโบราณ หมอจบใหม่มาเนี่ยต้องเปิดสมองระบายเลือดคั่งได้เลย ที่เขาเรียกเบอร์โฮล สมัยผมซึ่งหมอมีพอควร การฟ้อชร้องเยอะขึ้น คนก็ส่งหมอเฉพาะทางกัน หมอทั่วไปก็รักษาเบาหวาน ไขมัน ความดัน หอบหืด ถุงลมโป่ง ตามมีตามเกิดไป ผ่าคลอด ผ่าไส้ติ่งก็จะไม่ทำกันแล้ว ผมได้ผ่าใหญ่สุดก็กระเพาะทะลุ ไม่มีหมอศัลย์มาช่วยซะอีกตอนอินเทิร์น ก็เสียวไส้ดี ผ่าคลอดแฝดก็มี แต่อย่างน้อยก็มีหมอเฉพาะทางให้จิก ถ้าจนแล้วจนรอดไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าโรงพยาบาลชุมชนอันนี้ก็น่ากลัว ซีซ่าร์บลอคหลังแล้วตาย เขาก็ฟ้องเอาว่าหมอดมยาไม่มี ทำได้งัย หรือบลีดก็ไม่มีหมอสูทำฮิสเตอเรค อย่างนี้เป็นต้น ภาพรวมก็ไม่รู้ว่าคนไข้มันปลอดภัยขึ้นมั้ย รู้แต่ความสัมพันธ์หมอ คนไข้ แย่ลงมาก
เอาล่ะเอาเป็นว่าหมอกันกะหมอกิดเขาจบมาเขาต้องเลือกว่าจะเป็นหมอทั่วไปหรือหมอเฉพาะก็ต้องเรียนต่อทั้งนั้นไม่ได้เป็นหมอเต็มขั้นทำงานได้เลยแบบบ้านเรา

ทีนี้มันยังมีเรื่องใช้ทุนอีกที่ทำให้บ้านเรามีลักษณะพิเศษ ประหลาด น่าสมเพช น่าเห็นใจ มาเป็นปัจจัยในการดำเนินชีวิตอีกอันหนึ่ง

บางคนคงสนใจไปเรียนเมืองนอกซึ่งผมจะเล่าในอีกบลอกหนึ่ง

แล้วก็ที่ลงสุดท้าย
ซึ่งอาจจะเป็นโรงพยาบาลสังกัดสาธารณสุข
โรงพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ(อาจารย์มหาวิทยาลัยพรีคลินิกหรือคลินิก โรงพยาบาลสงฆ์)
กระทรวงกลาโหม(โรงพยาบาลทหาร)
กระทรวงมหาดไทย(โรงพยาบาลตำรวจ)
กระทรวงพาณิชย์(โรงพยาบาลยาสูบ)
กระทรวงคมนาคม(โรงพยาบาลรถไฟ)
สังกัดกทม(เช่นโรงพยาบาลนพรัตน์ ตากสิน)

หรือจะเป็นข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข

หรือจะเป็นหมอเอกชน ในโรงพยาบาล หรือ คลินิกส่วนตัวหรือโพลีคลินิก)

หรือจะเป็นนักวิจัยตามสถาบันวิจัย

หรือเป็นที่ปรึกษาบริษัทยา หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือบริษัทต่างๆ (เช่นหมออาชีวเวชศาสตร์)

หรือบางคนก็เป็นหมอตามสถานที่พิเศษ เช่น โรงแรม สนามบิน หรือแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง

หรืออาจจะเป็นผู้บริหาร ลงทุนเปิดโรงพยาบาลซะเอง

หรือไปทำอะไรที่ไม่ต้องใช้ความเป็นหมอเลยก็ได้ เป็นนักธุรกิจ นักการเมือง นักต้มตุ๋น

หรือรวยจัดไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้

เห็นได้ว่าหมอจบมามีทางเลือกมากมายกว่าที่เราคิด แต่ด้วยประสบการณ์จำกัด ผมคงจะเล่าเฉพาะการเป็นหมอทั่วไปหรือ เฉพาะทาง อาจารย์โรงเรียนแพทย์ คลินิกหรือพรีคลินิก เรียนในไทยหรือต่างประเทศ เอกชนหรือราชการ ส่วนนอกนั้นคงสุดวิสัยจะใช้ประสบการณ์ส่วนตัว แต่จะหามาเล่าในอนาคตถ้ามีเวลา แต่เพือไม่ให้บทความมันยาวเยิ่นเย้อก็เลยต้องตัดตอนไปเล่าในครั้งต่อไป สวัสดีครับ




The diagram is come from the British medical career paths. Although somewhat different from our system such as general practitioners may not need any further training and there is no allocation to the rural hospitals for three years before back to further study in UK. The wide pictures of medical careers at the bottom of diagrams are the same globally that doctors can do more than just practitioners. We can do research, public health, management, pharmaceutical industry, and so on as you can imagine.
Medical Doctor Degree is just the beginning of your life. Open-mined and gathering the information of yourself and careers that you are going to choose are the important part of your success.

1 comment: